CISCO Core Switch Layer 3 (Managed)

VLAN คืออะไร???

Virtural LAN เป็นความสามารถของอุปกรณ์ Switch ที่ช่วยในการแบ่ง Switch ให้มี Subnet ให้มีมากกว่า 1 Networkภายใต้ 1 Switch นั้นเอง เพื่อลดปัญหา การ Broadcast traffic ไปยังอุปกรณ์อื่นๆที่ไม่จำเป็นต่อการเชื่อมต่อ จะทำให้ประสิทธิภาพ Network นั้นมีมากขึ้น แล้วข้อดีของการทำ VLAN มีอะไรบ้าง?
1. ลดจำนวน Broadcast Traffic ลงในเครือข่าย จะช่วยเพิ่ม Switch จัดการข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
2. เพิ่มความปลอดภัยไม่ให้อุปกรณ์ใน VLAN อื่น มองเห็นอุปกรณ์ข้าม VLAN เพื่อลดอัตราความเสียงที่เกิดขึ้น เช่น ลดการติด Virus ภายในองค์กร
3. ลดความเสี่ยง ป้องการ Flooding ภายในเครือข่าย
4. ลดจำนวน Switch ในกรณีที่มี Port การใช้งานเหลือเยอะ

Switch Layer 3 คืออะไร???

อุปกรณ์ในการทำ Routing (หาเส้นทางการรับส่งข้อมูลระหว่างเน็ตเวิร์ก) เหมาะสมในการนำไปใช้ในระบบเน็ตเวิร์กที่มีการใช้งาน VLAN (VLAN เป็นการแบ่งพอร์ตต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสวิตซ์ให้ดูเสมือนว่าแยกกันอยู่คนละเน็ตเวิร์ก) และต้องการให้อุปกรณ์ Computer ที่อยู่ในแต่ละ VLAN สามารถติดต่อกันได้ Switch Layer 3 เป็นความสามารถหนึ่ง ที่อยู่ใน Switch ซึ่งความเร็วในการ routing จะใกล้เคียงกับ ความเร็วของ Switch และ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้การทำงานใน Network มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นได้ โดยรวมเอา ฟังก์ชั่นของ Router เข้าไว้ใน อุปกรณ์ Switch , Intel Layer 3 Switch จะทำให้ การ routing ภายในระบบ Lan ทำได้เร็วขึ้น

Router และ Switch Layer 3 อะไรดีกว่ากัน

ข้อแตกต่างระหว่างอุปกรณ์ Layer 3 Switch กับ Router ก็คือ อุปกรณ์ Layer 3 Switch นั้นจะสามารถทำงานได้ทั้งบน Layer 2 และ Layer 3 และส่วนมากอุปกรณ์ Layer 3 Switch จะผลิตขึ้นมาภายใต้พื้นฐานของเทคโนโลยี ASIC (Application Specific Integrated Circuit ) แต่อุปกรณ์ Router ส่วนใหญ่นั้นจะผลิตขึ้นมาโดยมี RISC Processor คอยควบคุมในเรื่องของการประมวลผลเพื่อหาเส้นทางการไหลของข้อมูล และจะต้องมีซอฟต์แวร์ที่เข้ามาควบคุมการทำงานอีกทีหนึ่ง ซึ่งทำให้การทำงานของอุปกรณ์ Layer 3 Switch โดยส่วนใหญ่นนั้นจะรวดเร็วกว่า Router Layer 3 Switch มักจะใช้ในรูปแบบ core หรือ distribute ถ้าจะต่อกันภายในหลาย ๆ เครื่องก็ควรจะใช้ Switch ดีกว่า เพราะราคาต่อ port จะถูกกว่า router และจะทำงานเร็วกว่า ส่วน Router จะเน้นในด้าน WAN จะคอยเป็นตัวทำ Routing ส่งไปยังเครือข่ายข้างนอกไม่ค่อยจะยุ่งเกี่ยวกับภายในสักเท่าไหร่จะดีกว่าหรืออย่างไรคงเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะใช้งานคนละแบบกัน

Routing Protocol คือ???

Protocol ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน routing table ระหว่างอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆที่ทำงานในระดับ Network Layer (Layer 3) เช่น Router เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งข้อมูล (IP packet) ไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทางได้อย่างถูกต้อง โดยที่ผู้ดูแลเครือข่ายไม่ต้องแก้ไขข้อมูล routing table ของอุปกรณ์ต่างๆตลอดเวลา เรียกว่าการทำงานของ Routing Protocol ทำให้เกิดการใช้งาน dynamic routing ต่อระบบเครือข่าย และสามารถที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน routing information ระหว่างอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆที่ทำงานในระดับ Network Layer (Layer 3) ได้แก่ Router , Switch Layer 3 , Firewall ,Linux Server รวมถึง OS ต่างๆ เป็นต้น เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถส่งข้อมูล (IP packet) ไปยังคอมพิวเตอร์ปลายทางได้อย่างถูกต้อง Router จะรู้ว่าไปยัง IP ปลายทางได้ทาง Interface ใด หรือไปทาง Router ตัวไหน ได้จาก routing table

Routing Protocol

RIP (Routing Information Protocol) V.1 - V.2
OSPF (Open Shortest Path First)
IGRP (Interior Gateway Routing Protocol) (Cisco Proprietary)
EIGRP (Enhanced Interior Gateway Routing Protocol) (Cisco Proprietary)
BGP (Border Gateway Protocol)